Sunday, November 1, 2009

อาชีพในอนาคต

<<<<< อาชีพในอนาคต >>>>>





ครั้งหนึ่งเมื่อดิฉันยังเยาว์วัย ดิฉันคิดว่าอาชีพในอนาคตของฉัน คือ คุณครู เนื่องมาจากว่า ในตอนนั้นบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้อบรมบ่มวิชา เป็นผู้สอนให้ดิฉันได้เรียนรู้โลกภายนอกที่กว้างขวาง โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยอบายมุขต่างๆมากมาย เปรียบเสมือนบุพการีผู้ให้กำเนิดคนที่สอง นั้น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องนำไปปฏิบัติเป็นแบบ อย่าง ณ เวลานั้น ดิฉันจึงคิดว่าคุณครู คืออาชีพในอนาคตที่ดิฉันใฝ่ฝัน












และแล้วกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปพร้อมกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่ค่อยๆเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยที่อยากรู้อยากลอง เริ่มมีความคิดเห็นที่เป็นตัวของตัวเอง ดิฉันในตอนนั้นเปลี่ยนความคิดจากการอยากประกอบอาชีพคุณครู กลายเป็นอาชีพหมอที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันกัน หมอเปรียบเสมือนผู้ช่วยเหลือมอบชีวิตให้แก่ผู้อื่น ช่วยชีวิตคนๆหนึ่งให้พ้นจากความทุกข์ที่มีได้ อีกทั้งหมอยังมีรายได้ที่ค่อนข้างสูง ดิฉันจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกอาชีพหมอเป็นอาชีพในฝันของฉัน
















แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อลุงที่เป็นบุคคลที่ดิฉันเคารพรักเป็นอย่างสูงได้ล้มป่วยหนักดิฉันจึงไม่รีรอที่จะไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาล ณ เวลานั้น ดิฉันศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดิฉันได้พูดคุยกับลุงมากมายแต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้มอบไว้ให้กับลุงคือ คำมั่นสัญญา ดิฉันสัญญากับลุงว่า ดิฉันจะเรียนเป็นผู้พิพากษาให้ลุงให้ได้ ดิฉันจะไม่ทำงานเป็นหมอ หรือ พยาบาล ขณะนั้นดิฉันก็เกิดข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใด และดิฉันก็ได้เข้าใจความรู้สึกของลุงที่มิอยากให้ฉันเป็นหมอ เวลานั้นดิฉันไม่คิดจะจริงจังสิ่งใดๆ เลย ดิฉันยังคงใช้ชีวิตในวัยเด็กต่อไป จนกระทั่งดิฉันเข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนนั้นดิฉันเริ่มคิดตัดสินใจเลือกอนาคตของฉัน หลังจากที่ได้มีโอกาสเรียนกฎหมายเบื้องต้นในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ดิฉันรู้สึกว่า กฏหมายเป็นสิ่งที่น่าค้นหา น่าศึกษาเล่าเรียนในระดับต่อไป ประกอบกับคำมั่นสัญญาที่ดิฉันให้ไว้กับลุงนั้น ดิฉันจึงตัดสินใจเรียนคณะนิติศาสตร์ เพื่อที่จะเป็นผู้พิพากษา












ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ เมื่อดิฉันได้เข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ดิฉันก็ต้องตัดสินใจอีกครั้งเมื่อดิฉันมีโอกาสได้ศึกษาวิชาบัญชีเบื้องต้น ดิฉันคิดว่าดิฉันสามารถที่จะเรียนได้ ดิฉันรู้สึกลังเลเป็นอย่างมาก ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดิฉันรู้สึกคิดหนักเป็นอย่างมาก และคำว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ก็ปรากฎขึ้นกับตัวดิฉันเมื่อดิฉันผ่านการคัดเลือกเข้าค่าย Pre-camp ของคณะนิติศาสตร์ดิฉันจึงมีโอกาสที่จะใกล้ชิดกับกฎหมาย รู้เรื่องราวต่างๆ แม้กระทั่งการเรียนของคณะนิติศาสตร์ ดิฉันจึงตัดสินใจว่า ดิฉันจะเรียนคณะนิติศาสตร์และประกอบอาชีพเป็นผู้พิพากษา









ดิฉันวางแผนสำหรับอานาคตฉันไว้ว่าหลังจากดิฉันเรียนจบคณะนิติศาสตร์ ดิฉันจะสอบเนติบัณฑิตให้ผ่านก่อนแล้วจึงประกอบอาชีพในสำนักงานกฎหมายเป็นระยะเวลา 2 ปี แล้วเมื่อดิฉันมี อายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ดิฉันจะลงสอบผู้พิพากษาที่สนามใหญ่ หากดิฉันสอบไม่ติด ดิฉันจะยังคงทำงานในสำนักงานกฎหมายต่อไป จนกระทั่งดิฉันสอบติด และดิฉันจะประกอบอาชีพผู้พิพากษาเป็นอาชีพในอนาคต ตลอดจนร่างกายของฉันมิสามารถจะทำการใดๆ ได้อีกต่อไป เพราะอาชีพนี้มิได้เป็นประโยชน์แก่ตัวดิฉันเท่านั้น แต่อาชีพยังเป็นประโยชน์ต่อบุคคลรอบข้าง สังคมและประเทศที่ฉันรักด้วยเช่นกัน